วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

??????

วันนี้ออกบ้านมา เพื่อต้องการที่จะไปซื้อรองเท้าและ ของขวัญแต่งงานให้ทีมงานที่ร่วมทำงานกันมาอย่างยากลำบาก โดยใช้เวลาส่วนหนึ่งในการเลือกรองเท้า แต่ก็ไม่ถูกใจ เพราะอยากได้รองเท้าที่พื้นนิ่มๆ ระบายอากาศได้ดี เนื่องด้วยเวลายืนนานๆแล้วกลับมาตื่นอีกวันจะปวดข้อเท้าและฝ่าเท้าเป็นอย่างมาก แต่ดูไปดูมาแล้วก็ยังไม่มีรองเท้าที่ถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นสีสัน หรือความสบายในการสวมใส่ เมื่อซื้อทุกอย่างเสร็จสรรพ แล้วสรุปก็ไม่ได้รองเท้า ตามเคย (รถแฟนกลับมาก่อนแล้วค่อยไปเลือกเนอะ) แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือหนังสือ 1 เล่ม หนังสือที่ผมคิดว่าผมใ้ช้เวลาในการเลือกประมาณ 45 นาที ใน B2S และเป็นครั้งแรกที่เดินเข้า B2S ในห้างไม่คิดว่าจะมีหนังสือดีๆมากมายให้เลือกอ่าน

ผมเข้าไปเลือกทุกอย่างว่าชีวิตวัยรุ่นตอนปลายอย่างเราควรอ่านหนังสืออะไรดี ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน หรือ การขายของออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นจิตวิทยา การปรับปรุงตนเอง การเปลี่ยนบุคลิกเพื่อเป็นผู้นำ เอาละซิความคิดมันฟุ้งซ่าน (ไม่ฟุ้งฟิ้ง)  มันเลยทำให้เวลาล่วงเลยเป็นอย่างมาก ผมเชื่อนิสัยคนไทยเวลาซื้อของ มาตรการทางด้านราคาจะมาก่อน เลือกแล้วมามองดูว่า ราคามันเท่าไหร่ ซื้อไปคุ้มไหม ??  แล้วเราจะมีเวลาอ่านมันไหม ??

เชื่อไหมว่าผมซื้อหนังสือแต่ไม่ค่อยมีเวลาอ่านมันเพราะว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านการงาน หรือ ด้านบันเทิง แต่ก็สามารถบังคับตัวเองให้อ่านหนังสือ จนจบได้ทุกครั้ง ด้วยความเป็นคนที่คิดรอบด้าน นำหลายอย่างมาประกอบการตัดสินใจ มันทำให้เลือกไม่ได้สักที เลยหยุดคิดและค้นหาว่าตัวเองต้องการอะไร แล้วบอกกับตัวเองว่า “หยิบแล้วเดินออกไปจ่ายตังส์เลยไม่ต้องสนว่าจะเป็นไง” ถ้าไม่งั้นเลือกไม่ได้แน่นอน ทั้งวันแน่นอน คิดไปก็แปลกนะ นิสัยส่วนตัวผมเป็นคนเรียบง่าย อะไรก็ได้ แต่ทำไมเมื่ออายุมากไปทำไมคิดมากขึ้นเปรียบเทียบ มากขึ้น อ้าวเราลืมซื้อการ์ดให้เพื่อนที่จะแต่งงานนี่นา เดินกลับไปซื้อการ์ดที่เดิม และได้พบกว่าการ์ดพวกนี้แพงชิบหาย 139 บาท แต่ก็สวยดี แล้วจะซื้อไปทำไมแพงก็แพงแค่อวยพร แต่สิ่งที่ผมจดจำเสมอว่า ของพวกนี้มีคุณค่าทางจิตใจมาก นี่งานแต่งงานนะเว่ย ไม่ได้ แต่งกันทุกปี การ์ดนี่มันมีคุณค่า (แอบใส่ใจในรายละเอียด) เมื่อก่อนไม่เคยใส่ใจคิดแม้กระทั้งจะเอากระดาษหนังสือพิมพ์ ห่อของขวัญให้เพื่อน ก็คือถ้าเราย้อนเวลาได้ เราคงอยากไปแก้ไขมัน พอมองไปพบกับการ์ดน่ารักๆ หลายใบที่เขียนว่า “Welcome To The World” เห็นแล้วรีบถ่ายรูปส่งไปให้ว่าที่คุณพ่อและคุณแม่กันทันทีเลย ต้องบอกว่ายินดีกับเพื่อนเลยแหละ

เมื่อเสร็จภาระกิจทุกอย่างแล้วเอาละ ถามตัวเองหิวไหม ไม่หิวนิพึ่งกินมาเพื่อสายๆ งั้นไปไหนดี ไปร้านกาแฟดีไหม ?? ก็มาชั่งใจอีก ไปร้านกาแฟทำไมเรางดดื่ม กาแฟ นินา เรากลับห้องดีกว่างั้น กลับมานั่งดูทีวี อ่านหนังสือที่ซื้อมา และก็เตรียมเขียนงานส่ง ดีกว่า เปิดพัดลม เย็นๆ ฟังเพลงเบาๆที่เราเลือกได้  แล้วก็นั่งเขียนบ่นๆ ให้คนอ่านกันเนี่ยแหละ ยังไม่รู้เลยว่าจะตั้งหัวเรื่องว่าอะไรดี เอาเป็นว่าใครอ่านแล้วตั้งชื่อเรื่องให้ด้วยละกันนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น